อ่านหนังสือ ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่หลายคนๆหยุดไปเมื่อพ้นวัยเรียนมาสู่วัยทำงาน หน้าที่ทำงานทำให้ชีวิตวุ่นวาย เต็มไปด้วยความเครียด และสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นนักอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก คนที่ไม่ใช่หนอนหนังสือ การหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องของความจำเป็นที่จะต้องอ่านเรื่องนั้นจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เรื่องของการเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรบางอย่างแล้วจำเป็นต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น เราก็คงจะไม่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านหรอก โดยเฉพาะในเมื่อทุกวันนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารช่วยให้พวกเราเข้าถึงสื่อ เข้าถึงข้อมูล ได้อย่างสะดวก การหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน การดาวโหลด ebook มาอ่านให้จบสักเล่มหนึ่ง กลายเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดสำหรับชีวิตคนในปัจจุบันนี้
มีอะไรที่หายไปจากชีวิตผม คลังความรู้ ข้อมูล กลุ่มของประโยค ความหลากหลายของเรื่องราวและมุมมองที่แตกต่าง ได้หายไปจากสมอง – นอกเหนือจากการบริโภคข้อมูลด้วยสื่อประเภทอื่นที่เต็มไปด้วยความสะดวกในการเข้าถึง ผมรู้ว่า การอ่านหนังสือ คือสุดยอดแห่งการบู๊สต์สมองให้กลับสู่ความรู้สึกว่า ‘ฉลาด’ ได้ดีเยี่ยมมากที่สุด
บันทึกนี้ ผมอยากจะแชร์มุมมองของผม ว่าทำไมเราไม่ควรหยุดอ่านหนังสือ เราจะได้ผลดีอะไรจากการอ่านหนังสือต่อเนื่องไปเรื่อยๆตลอดชีวิตของเรา เราจะเสียโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการหยุดอ่านหนังสือในมุมไหนบ้าง

ช่วยกระตุ้นกระตุ้นการทำงานของสมอง
การอ่านหนังสือ เสมือนกับการให้สมองได้ออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นให้สมองได้ทำงาน ถ้าหากสมองได้มีการใช้งานหรือได้ออกกำลังกาย จะช่วยชะลอหรือป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ดี ป้องกันความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ถ้าหากเปรียบเทียบกับการออกกำลังกาย ร่างกายของเราจะแข็งแรงขึ้นเมื่อได้ออกกำลังกาย สมองก็เช่นเดียวกัน สมองจะแข็งแรงขึ้นเมื่อสมองได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
เรื่องการอ่านหนังสือช่วยทำให้สมองแข็งแรงขึ้นนี้ เคยมีนักวิจัยศึกษามาแล้ว โดยทำการ MRI สมองของอาสาสมัครในขณะที่ให้อ่านหนังสือ มีผลสรุปว่าการอ่านหนังสือช่วยทำให้การเชื่อมโยงของเซลส์สมองมีมากขึ้น (increasing of brain connectivity)
การอ่านช่วยทักษะการคิดวิเคราะห์ การอ่านช่วยกระตุ้นความจำ เรียนรู้คำศัพท์ รู้จักสำนวนภาษา
ถึงแม้การอ่านจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยกระตุ้นสมองได้ แต่การอ่านก็มีประโยชน์อื่นๆ นอกเหนือจากการกระตุ้นสมองด้วย
เครื่องมือ บันทึกความรู้ พาเราไปรู้จักกับผู้เขียน พาเราไปสู่อีกโลก ช่วยพาเราไปสู่ช่วงเวลาต่างๆ
หนังสือ เป็นเครื่องมือบันทึกความรู้,เรื่องราว ประเภทหนึ่ง ที่มีขนาดเล็กมากๆ เป็นเครื่องมือที่ง่ายที่สุดสำหรับการบันทึกที่ผู้อ่านแทบจะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วยให้การรับข้อมูลที่เจ้าของเรื่องราวต้องการถ่ายทอดให้รับรู้เลย
ถึงแม้สื่อจำพวกวิดีโอ จะทำให้เราเห็นภาพได้ดี ในมุมของความสะดวกในการหยิบขึ้นมาอ่าน หรือประโยชน์ในแง่ของการกระตุ้นสมอง ผมเห็นว่าการอ่านหนังสือทำได้ดีกว่า
ถึงจะเป็นเพียงแค่กระดาษ ตัวอักษร รูปภาพ แต่หนังสือสามารถถ่ายทอดเนื้อหาที่เจ้าของเรื่องราวต้องการถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยม ในหลายๆครั้ง หนังสือเล่มหนึ่ง อาจจะบรรจุความรู้ทั้งหมดที่คนๆหนึ่งสะสมเอาไว้มาตลอดทั้งชีวิต เราจะได้สัมผัสบรรยากาศแวดล้อมที่อาจจะช่วยให้เรารับรู้สิ่งที่แตกต่างกันของผู้เขียนกับของตัวเรา บางครั้งมันช่วยทำให้เราคิดย้อนกลับไปเพื่อเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้เขียนกำลังเขียนหนังสืออยู่ กับช่วงเวลาของเรา, เปรียบเทียบบ้านเมืองของเขา กับบ้านเมืองของเรา, เปรียบเทียบนิสัยของคนประเทศเขากับคนของประเทศเรา มันช่วยได้นะ
อ่านหนังสือ ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้เป็น
ขณะที่เราว่าง ในเวลาที่เราเบื่อ เราจะมองหาวิธีลดความรู้สึกว่างและเบื่อ โดยปกติแล้ว เรามักจะมองหาวิธีการลดความเบื่อ ด้วยการเข้าหาผู้อื่น พูดคุยหรือทำกิจกรรม, เราทำกิจกรรมสันทนาการ เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัส สร้างความเปลี่ยนแปลง รับรู้สิ่งที่แตกต่างจากความว่างเปล่า, เราออกจากพื้นที่ของตัวเราเอง ไปพบเจอกับสิ่งกระตุ้น สิ่งเร้าอื่นๆ เดินทางท่องเที่ยว มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ เพื่อผลลัพท์ในการลดความเบื่อหน่ายจำเจ ซึ่งหลายๆครั้งเราอาจรู้ตัวเองว่าเป็นการลงมือทำที่ไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลสักเท่าไหร่นัก
ในทางตรงกันข้ามนั้น ตัวเราก็สามารถที่จะเรียนรู้สิ่งที่ต่างออกไป นั่นคือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้เป็น โดยการลดการรับสิ่งกระตุ้นเร้าจากภายนอก ลดการเสพประสบการณ์ความตื่นเต้นที่สร้างขึ้นโดยคนอื่น หันมาสร้างประสบการณ์ด้วยตัวเอง มีความสุข หยุดความเบื่อหน่าย ด้วยอะไรที่เรียบง่ายกว่าเดิม การอ่านหนังสือเป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะทำให้เราได้ฝึกหัดที่จะอยู่กับตัวเองลดการพึ่งพาสิ่งกระตุ้นเร้าจากภายนอก
เราจะต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความบันเทิงให้กับตัวเอง ด้วยการลงมืออ่าน จินตนาการไปตามเนื้อเรื่อง ทำประโยชน์ให้กับตัวเองด้วยการรับความรู้เพื่อปรุงสมอง
การอ่านช่วยฝึกให้เรามีสมาธิ ลดความเครียด ผ่อนคลาย สงบ การอ่านสามารถดึงไปสู่อีกโลกหนึ่งได้หยุดความหมกมุ่นในความเครียดที่มีอยู่ได้ในขณะที่อ่านหนังสือ หรือในกรณีที่เรากำลังมองหาคำตอบของบางเรื่อง หนังสือสามารถชี้ทางสว่าง ให้ความรู้ ชี้แนะหนทางให้กับเรา จากมุมมอง หรือจุดยืนที่แตกต่างกันได้
สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือเป็นนิสัย ในช่วงแรกที่เราหัดอ่านหนังสือ เพื่อผลลัพท์การลดความเบื่อหน่าย ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ คงจะเป็นเรื่องที่ยาก ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองด้วยวิธีที่ง่ายกว่า อย่างการดูละครซีรี่ย์ หรือเล่นเกมส์ – แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหากเราสามารถอ่านหนังสือและอยู่กับตัวเองให้เป็นได้ ประโยชน์ที่จะได้รับ มีมากกว่าวิธีอื่นแน่นอน
เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
มีงานวิจัยหนึ่งกล่าวว่า การอ่านหนังสือช่วยให้เราสามารถสร้างความสามารถทางสังคม สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น มองหาการสร้างและรักษาความสัมพันธ์
งานวิจัยระบุว่า การอ่านหนังสือประเภทนิยาย ช่วยให้เข้าใจความรู้สึก สร้างความเชื่อ เข้าใจและรับรู้ความเจ็บปวดได้ดี โดยเฉพาะนิยายที่มักจะเขียนอธิบายชีวิตส่วนตัวของตัวละครต่างๆ แต่การอ่านที่จะให้ผลแบบนั้นได้ ไม่ใช่การอ่านเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องราว จะต้องอ่านอย่างต่อเนื่องด้วย
ในแง่ของการอ่านหนังสือพวกชีวประวัติของบุคคลต่างๆ หรือหนังสือเชิงจิตวิทยา จะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวชีวิตของคนอื่นๆ นอกเหนือจากความรู้สึกนึกคิดของตัวเรา และคนรอบตัวเราด้วยเช่นกัน จะทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เข้าใจสังคมจากมุมมองที่แตกต่างออกไปจากมุมมองของตัวเราและคนใกล้ตัวเราด้วย
อ่านหนังสือ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งช่วยส่งเสริมทักษะ ยิ่งเข้าใจ และมีความชำนาญมากขึ้น
เหมือนกับการขี่จักรยาน หรือ การว่ายน้ำ เมื่อเราขี่จักรยานเป็นแล้ว หรือว่ายน้ำเป็นแล้ว เราจะไม่มีวันลืมทักษะเหล่านั้น แต่ว่า ความชำนาญของเราจะลดลง ถ้าหากเราไม่ได้ขี่จักรยานหรือว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ความเร็ว ความคล่องตัว ความอึด ในการขี่จักรยาน/ว่ายน้ำ ประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาจะขึ้นกับความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อมฝึกฝน การอ่านก็เช่นกัน ถ้าหากเราอ่านหนังสือบ่อยๆ เราจะอ่านได้เร็ว อ่านหนังสือจบเล่มหรือจบบทได้เร็ว การอ่านบ่อยๆจะช่วยเพิ่มความชำนาญในทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการอ่านหนังสือได้
ในการกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้งหนึ่งของผม หลังจากที่หยุดอ่านหนังสือไปนานมากๆนั้น ผมมีปัญหากับการอ่านหนังสือให้จบ ผมไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อกับหนังสือที่ผมกำลังอ่าน, ผมอ่านได้ไม่กี่หน้าความสนใจก็หมดลงหันไปสนใจเรื่องอื่น หรือไม่ก็หลับ, เมื่อผมวางหนังสือลมแล้วหยิบขึ้นมาอ่านต่อในวันถัดไป ผมไม่สามารถจำเนื้อหาที่อ่านไปแล้วได้ ต้องย้อนกลับไปอ่าน เกือบจะทั้งหมดใหม่อีกครั้ง ฯลฯ ผมพบปัญหาในการอ่านหนังสือให้จบเล่ม แต่มันค่อยๆดีขึ้น เมื่อผมกลับมาอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง
การอ่านกระตุ้นให้เราต้องฝึกฝนความจำ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิยาย ที่เราต้องทำความรู้จักกับตัวละครต่างๆ เรื่องราวในแต่ละช่วงเวลาในละครนั้นๆ หรือว่าหนังสือให้ความรู้ ที่เราต้องนำเนื้อหาในแต่ละส่วนมาผูกกันเพื่อมองหาความสอดคล้อง ความเป็นเหตุเป็นผล, การอ่านหนังสือบ่อยๆจะช่วยให้เราเพิ่มทักษะการจำได้มากขึ้น
เพิ่มความสามารเราสามารถเพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์ได้จากการอ่านหนังสือ – เนื้อหาในหนังสือที่มีปริศนาให้เราต้องคิดตาม เกิดข้อสงสัย และพยายามหาคำตอบ ช่วยให้เราพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ได้ และยิ่งเมื่อเรานำเรื่องราวที่เราได้อ่านไปถกเถียงกับคนอื่นที่มีความเข้าใจหรือมีความสนใจในเรื่องที่เราได้อ่าน เราก็จะยิ่งมีทักษะความสามารถในการคิดวิเคราะห์ดีกว่าเดิม
นอกจากให้ความรู้แล้ว การอ่านยังทำให้เรา รู้จักสำนวนภาษา เพิ่มคำศัพท์ เรียนรู้การนำคำศัพท์ไปใช้ในบริบทต่างๆเพิ่มมากขึ้น รู้ภาษาใหม่ๆในเรื่องที่แตกต่างจากเรื่องเดิมๆที่เราคุ้นเคย เรียนรู้ลักษณะการเขียนของผู้เขียนหนังสือ แล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการพูดและการเขียน เมื่อเราได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ฝึกฝนบ่อยๆ นั่นจะทำให้ความสามารถในการใช้ภาษาของเราสละสลวยมากขึ้นกว่าเดิม สามารถทำให้คนเข้าใจในเนื้อหาที่เราต้องการสื่อสารได้ง่ายกว่าเดิม เพิ่มความมั่นใจในการพูดการเขียนและการแสดงออกมากขึ้นด้วย
ความเร็วจากการอ่านเพิ่มขึ้น เมื่อสมองเราสามารถคิดวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ ทำได้เร็วกว่าเดิม มีความคล่องมากกว่าเดิม ซึ่งทำให้การอ่านหนังสือให้จบเล่มเร็วขึ้น ทำให้เรามั่นใจในการอ่านหนังสือมากขึ้น เราจะเริ่มหยิบเล่มถัดไปขึ้นมาอ่าน แล้วกองหนังสือที่ถูกดองเอาไว้ก็ค่อยๆคลี่คลาย เราจะอ่านหนังสือจบหลายต่อหลายเล่ม ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลง จากความสามารถ ความรู้ที่เพิ่มขึ้น และสมองที่ฉลาดยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
สำหรับผม การหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านบ่อยๆ ในช่วงแรกของการกลับมาอ่านหนังสือ เป็นการสร้างความคุ้นเคยของสมอง การสร้างความทรงจำให้กับกล้ามเนื้อ มากกว่าเป็นการรับประโยชน์โดยตรงที่ได้จากการอ่านหนังสือ ผมสร้างความทรงจำ ทำให้คุ้นเคย กับการเปิดไฟหัวเตียง หรือโคมไฟบนโต๊ะ เพื่อหยิบหนังสือมาอ่าน แทนที่การหยิบโทรศัพท์มือถือ หรือรีโมททีวี พอเกิดความคุ้นเคยที่จะหยิบหนังสือ ก่อนหยิบอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ ผมจึงได้รับประโยชน์เพิ่มเติมอื่นๆตามมาหลังจากนั้น
ผมยังเคยได้พบเจอเรื่องราวของประโยชน์ของการอ่านหนังสือในมุมของชะลอความแก่ ยืดอายุ ลดโอกาสของการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย ถ้าขุดค้นไปเรื่อยๆ ก็คงจะพบเจอข้อดีของการอ่านหนังสืออีกหลายข้อแน่ๆ
อย่างที่ทุกๆคนรู้กันอยู่แล้วว่าประโยชน์ของการอ่านหนังสือมีมากมาย แต่เราหยุดอ่านหนังสือ จนเราลืมไปแล้วว่า เราจะสามารถได้ประโยชน์จากการอ่านหนังสือมากมายแค่ไหน
บันทึกนี้ ผมอยากจะเน้นย้ำเรื่องการอ่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการอ่าน และได้รับประโยชน์จากการอ่านหนังสือ อย่างต่อเนื่องไป เสมือนกับที่ร่างกายเราได้รับวิตามินอย่างสม่ำเสมอในทุกๆวัน
หากในวันนี้ คุณกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้งหนึ่ง อ่านให้ได้ต่อเนื่อง อ่านหนังสือให้หลากหลาย เมื่อคุณทำไปได้สัก 2-3 เดือน คุณจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับความสามารถในการนึกคิดของคุณแน่นอน คุณจะรู้สึกแน่ๆว่า มันแตกต่างจากสมัยที่คุณอ่านหนังสือเพื่อการเรียน เพื่อเตรียมสอบ เพื่ออ้างอิงสำหรับทำงานอะไรสักอย่างให้บรรลุอย่างแน่นอน แล้วคุณจะไม่อยากหยุดการอ่านหนังสืออีกเลย ลองดูสิ เริ่มต้นจากการหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสักเล่ม วันนี้เลย